วันที่ 28 กันยายน 2565 ที่อาคารอเนกประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลตรี สถาพร บุญชู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 พร้อมด้วยนางจีระนุช บุญชู ประธานสมาคมแม่บ้าน ทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 210 นำคณะผู้บังคับบัญชา ตลอดจนกำลังพลของมณฑลทหารบกที่ 210 และ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะครู นักเรียน นักศึกษาวิชาทหาร ชมรมข้าราชการบำนาญ และชมรมผู้สูงวัยในพื้นที่ จัดกิจกรรมวันพระราชทานธงชาติไทย ครบรอบ 105 ปี 28 กันยายน 2565 ด้วยการปลูกจิตสำนึกและถ่ายทอดความรู้ให้ กำลังพลมณฑลทหารบกที่ 210 บุคลากรสถานศึกษา เยาวชนและคนในชุมชนให้ได้เห็นถึงความสำคัญของสถาบันชาติ ร่วมกันแสดงความเคารพธงชาติ แสดงออกถึงความภาคภูมิใจของคนในชาติ ทั้งเป็นการน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ได้ทรงพระราชทานธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ความเป็นไทยที่มีเอกราช ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นหรืออาณานิคมของชาติใด อันเนื่องมาจากความเสียสละของบรรพบุรุษไทย ทุกยุคสมัยในการปกป้องรักษาแผ่นดิน ให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
โดยประเทศไทยมีการใช้ธงชาติมานานนับหลายร้อยปี มีวิวัฒนาการเรื่อยมา จนปัจจุบันเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 6 ส่วน ยาว 9 ส่วน แบ่งด้านยาวออกเป็น 5 แถบ แถบตรงกลางเป็นสีน้ำเงินแก่กว้าง 2 ส่วน ถัดจากแถบสีน้ำเงินแก่ทั้ง 2 ข้าง เป็นสีขาวกว้างข้างละ 1 ส่วน และต่อจากแถบสีขาวทั้ง 2 ข้างเป็นแถบสีแดงกว้างข้างละ 1 ส่วน โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงกำหนดความหมายของสีธงไตรรงค์ แบบไม่เป็นทางการในพระราชนิพนธ์ เรื่องเครื่องหมายแห่งไตรรงค์ไว้ว่า สีแดงหมายถึงเลือดอันยอมพลีให้แก่ชาติ สีขาวหมายถึงความบริสุทธิ์แห่งธรรมะอันเป็นหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา สีน้ำเงินหมายถึงสีส่วนพระองค์ขององค์พระมหากษัตริย์ โดยต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ ให้มีบันทึกเรื่องธงชาติ โดยให้ยึดเอาธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทยตั้งแต่นั้นมาเพื่อจะได้ไม่ต้องเกิดความสับสนกับต่างประเทศ และจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงธงชาติบ่อย ๆ และได้กำหนดความหมายของธงไตรรงค์ให้ชัดเจนแต่ครอบคลุมอุดมการณ์เดิมของรัชกาลที่ 6 เอาไว้ คือ สีแดงหมายถึงชาติ (ประชาชน) สีขาวหมายถึงศาสนา (ไม่ได้เน้นศาสนาใดโดยเฉพาะ) และสีน้ำเงินหมายถึงพระมหากษัตริย์ ซึ่งความหมายนี้ก็ใช้สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน