แผนการบริหารและจัดสรรวัคซีนของรัฐบาล

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการปะชุมคณะรัฐมนตรี ว่านับตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. ที่เริ่มคิกออฟ “วาระแห่งชาติ” เรื่องการฉีดวัคซีน พร้อมกันทั่วประเทศ จนถึง15 มิ.ย. มีการฉีดวัคซีนไปมากกว่า 2 ล้านโดส ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ในภาพรวมได้กระจายวัคซีนไปทั่วประเทศมากกว่า 7 ล้านโดส และฉีดไปได้มากกว่า 6.5 ล้านโดสแล้ว นับเป็นความร่วมแรง ร่วมใจกันอย่างเต็มที่ของเจ้าหน้าที่ในทุกจุดบริการก็ต้องขอขอบคุณ

โดยสูตรจัดสรรวัคซีนสู่ 4 กลุ่มเป้าหมาย ประกอบไปด้วย

1. เมื่อมีวัคซีนมา กระทรวงสาธารณสุขต้องส่งให้ทุกจังหวัดทันที จะไม่มีจังหวัดใดที่ไม่ได้เพิ่มเติมในแต่ละรอบ ซึ่งในอนาคตอาจยกเว้นจังหวัดที่ได้ครบตามเป้าหมายแล้ว หรือบางจังหวัดที่ ศบค. พิจารณาว่ายังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในขณะนั้น

2. จำนวนวัคซีนที่นำส่งให้แต่ละจังหวัด จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่นำมาคำนวณ คือ จำนวนประชากร จำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้จองในระบบ ทั้งหมอพร้อมและระบบของจังหวัด และกลุ่มเฉพาะ เช่น อาชีพเสี่ยง พื้นที่เศรษฐกิจ

3. หากจำนวนวัคซีนที่ได้ คำนวณแล้วไม่เพียงพอต่อการฉีดในระยะเวลา ในรอบนั้น ให้แต่ละจังหวัดและจุดฉีดพิจารณาจัดสรรให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มโรคเสี่ยง ที่ลงทะเบียนไว้ก่อน

4. หากมีความจำเป็น ต้องชะลอการฉีดวัคซีนตามกำหนดเดิม ระหว่างรอการนำส่งวัคซีน ต้องยึดลำดับเดิมไว้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ และจัดการฉีดวัคซีนตามลำดับเดิมทันทีที่ได้รับการจัดสรรวัคซีน

ซึ่งการนำส่งวัคซีนต้องใช้เวลาและต้องปรับแผนการฉีดในพื้นที่ระบาดรุนแรงก่อน เชื่อว่าทุกฝ่ายได้มีความพยายาม และดำเนินการอย่างทุ่มเท เพื่อให้บริการกับพี่น้องประชาชนอย่างดีที่สุด ซึ่งปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก นั่นคือการนำส่งวัคซีนที่ต้องใช้เวลา ทั้งการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพไม่สามารถกำหนดได้แน่นอนทุกครั้งว่าจะได้รับวันใด และจะได้รับเป็นรอบ ไม่ใช่ได้ครั้งเดียวจำนวนมาก ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกต่างต้องเจอกับปัญหานี้ทั้งสิ้น แต่ประเทศไทยนั้นยังมีข้อได้เปรียบ ที่เรามีบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งผลิตวัคซีนของแอสตราเซเนกา ตั้งอยู่ในประเทศไทยของเราเอง ทำให้การขนส่งทำได้อย่างรวดเร็ว

อีกปัจจัยหนึ่งคือการปรับแผนการฉีดวัคซีนตามสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้น ทำให้มีการเปิดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงอย่างกรุงเทพมหานครได้เริ่มฉีดเพื่อควบคุมการระบาด และเพื่อเหตุผลทางเศรษฐกิจ ทำให้อาจไปกระทบกับผู้ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนบางส่วน นอกจากนั้นต้องยอมรับว่าในภารกิจครั้งนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก มีผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ในประเทศไทยทั้ง 70 ล้านคน จึงอาจเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในการประสานงานระหว่างหน่วยงาน อย่างไรก็ตามทุกหน่วยงาน มีความตั้งใจอย่างเต็มที่ทั้งหมด จึงขออภัยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น-ยืนยันจัดหาวัคซีนได้ 100 ล้านโดส สำหรับประชาชน 50 ล้านคน หรือ 70% ของประชากรภายในสิ้นปีนี้ และจะดำเนินการจัดหาเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า ขอย้ำว่าการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใส และจะไม่ยอมให้เกิดการทุจริตใดๆ พร้อมเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพและความทุ่มเทเสียสละของบุคลากรในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด และการระดมฉีดวัคซีน เราจะต้องชนะสงครามโควิดครั้งนี้อย่างแน่นอน


image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar